Table of Contents

บทความที่เกี่ยวข้อง

[รีวิว] The Medium : ร่างทรง

รีวิว หนัง The Medium ร่างทรง ภาพยนตร์ไทยที่ได้เปิดตัวกันไปแล้วที่เกาหลี แถมยังกวาดรายได้เปิดตัว 36 ล้านบาท ด้วยคุณภาพและเนื้อเรื่องที่เล่ากันแบบเข้าใจง่าย แถมมีอะไรซ่อนอยู่ในหนังเรื่อง ร่างทรง The Mediumมันไม่ใช่แค่ความหลอน สั่นประสาท

Read More »

[รีวิว] The Irishman : เปิดปมการเมืองเรื่องสกปรกของอเมริกา ผ่านสายตามาเฟียอิตาลี

หนังชีวิตของ Frank Sheeran ชายชาวไอริชผู้เป็นมือขวาของแก็งมาเฟียอิตาลีชื่อดังของอเมริกาและเป็นเพื่อนสนิทของ Jimmy Hoffa ผู้นำสหภาพแรงงานคนดังที่หายตัวไปอย่างเป็นปริศนา หากพูด Jimmy Hoffa (Al Pacino) ในวันนี้ เด็กรุ่นใหม่เหมือนซิสคงถามเหมือนกันว่า “ใครหว่า?”

Read More »

[รีวิว] Love and Leashes : รักฟรุ้งฟริ้งกับโซ่ แส้ กุญแจมือ

เมื่อรสนิยมทางเพศของแต่ละคนไม่เหมือนกัน การจะหาใครสักคนที่เข้าใจในความเป็นเรามันก็ช่างยากเย็น แต่เมื่อเราได้เจอกับคนคนนั้นเข้า ณ ที่ใดที่หนึ่งที่เราเองก็ไม่คาดคิด ความโรแมนติกสุดหรรษาก็เริ่มขึ้นและทำให้ความสัมพันธ์ที่ว่าไปไกลกว่าการใช้ โซ่ แส้ กุญแจมือเรื่องราวโรแมนติกแบบเจ็บแสบของ ‘ชองจีอู’ (ซอฮยอน) PR สาวที่มีสัญชาตญาณการควบคุมโดยที่เธอเองไม่เคยรู้ตัวมาก่อน และ ‘ชองจีฮู’

Read More »

[รีวิว] The Irishman : เปิดปมการเมืองเรื่องสกปรกของอเมริกา ผ่านสายตามาเฟียอิตาลี

หนังชีวิตของ Frank Sheeran ชายชาวไอริชผู้เป็นมือขวาของแก็งมาเฟียอิตาลีชื่อดังของอเมริกาและเป็นเพื่อนสนิทของ Jimmy Hoffa ผู้นำสหภาพแรงงานคนดังที่หายตัวไปอย่างเป็นปริศนา

หากพูด Jimmy Hoffa (Al Pacino) ในวันนี้ เด็กรุ่นใหม่เหมือนซิสคงถามเหมือนกันว่า “ใครหว่า?” แต่รู้มั้ยว่าช่วง 50s – 60s ชายผู้นี้ได้ชื่อว่าโด่งดังยิ่งกว่า Elvis Presley หรือ The Beatles เลย แต่หนังเรื่องนี้ไม่ได้ดำเนินเรื่องโดยจิมมี่ ตัวเอกคือ Frank Sheeran (Robert De Niro) เพื่อนสนิทที่จะเป็นกุญแจเฉลยปริศนาการหายตัวไปอย่างเป็นปริศนาตลอดกาลของจิมมี่

The Irishman เป็นหนังยาว 3.30 ชั่วโมงที่รู้สึกว่ายังสั้นเกินกว่าจะเล่าเรื่องราวทั้งชีวิตของแฟร้งค์ ผู้มีชีวิตผ่านมาถึง 16 ประธานาธิบดี เขาถูกโลกจดจำในฐานะมือปืนของแก็งมาเฟียอิตาลี Bufalino คอยเก็บกวาดคนที่มาขว้างผลประโยชน์ของหัวหน้าแก็ง Russell Bufalino

ในหนังเป็นเรื่องราวของแฟร้งค์ตั้งแต่เป็นทหารผ่านศึก กลายมาเป็นคนขับรถบรรทุกส่งเนื้อสเต็ก โชคชะตาทำให้เขารถเสียและเจอกับรัสเซลที่ช่วยเขาซ่อมรถ จนกลายมาเป็นลูกน้องของรัสเซลในที่สุด ด้วยความกล้า ฉลาด เข้ากับคนง่าย และซื่อสัตย์ ทำให้รัสเซลคอยอุปถัมภ์อุ้มชูแฟร้งค์ในฐานะเพื่อนรัก ผลักดันจนเขาเป็นระดับผู้บริหารของสหภาพแรงงานอเมริกา มีคนนับหน้าถือตาอย่างจริงใจ แม้มือเขาจะเปื้อนเลือดมานับต่อนับ Love and Leashes

หน้าที่การงานของแฟร้งค์ก้าวสู่ระดับสูง แต่เรื่องครอบครัวกลับดิ่งลงเหว Peggy Sheeran หนึ่งในลูกสาวกลัวพ่อและเพื่อนของพ่อมาตลอด จนวันหนึ่งก็เกิดเหตุที่ทำให้เพ็กกี้ออกจากบ้านและไม่เคยคุยกับพ่อเธออีกเลย นั่นคือวันที่จิมมี่ ฮอฟฟาหายตัวไป

จิมมี่เป็นประธานสหภาพแรงงาน ซึ่งสมัยนั้นผู้ใช้แรงงาน 1 ใน 3 ของอเมริกาต่างอยู่ภายใต้สหภาพแรงงานทั้งนั้น หมายความว่าจิมมี่เป็นผู้มีอิทธิพลต่อชาวอเมริกากว่า 2.3 ล้านคนเลยทีเดียว อำนาจย่อมมาพร้อมกับความเสี่ยง เมื่อจิมมี่เกิดไปขัดขว้างผลประโยชน์แก็งของรัสเซลและเพื่อนๆ มาเฟีย สถานการณ์นี้คงไม่มีใครหนักใจไปกว่าแฟร้งค์ ที่เป็นทั้งเพื่อนสนิทของจิมมี่และเป็นลูกน้องที่ภักดีกับรัสเซล เขาไม่สามารถเลือกข้างได้เลยจริงๆ

หลังจากแฟร้งค์พยายามเจรจาไกล่เกลี่ยอยู่นาน วันหนึ่งจิมมี่ก็หายตัวไป ไม่มีใครได้พบเขาอีกเลย จนแฟร้งค์ได้สารภาพความจริงของปริศนาทั้งหมดในบั้นปลายชีวิตของเขา ในวันที่ทั้งจิมมี่ รัสเซลและเพื่อนมาเฟีย จากโลกนี้ไปหมดแล้ว ทั้งหมดนี้ถูกบันทึกไว้ในหนังสือ “I Heard You Paint Houses” เขียนโดย Charles Brandt ทนายที่ช่วยให้แฟร้งค์ได้ออกจากคุกตอนอายุ 70 กว่าแล้ว

ซิสชอบชื่อหนังสือมาก! I Heard You Paint Houses (ฉันได้ยินมาว่าคุณเป็นช่างทาสีบ้าน) ประโยคเป็นโค้ดลับมาเฟียมาจากเวลาที่แฟร้งค์รับงานสายมืดจะเรียกคำสั่งว่า “ใบสั่งทาสีบ้าน” สื่อถึงการย้อมสีบ้านด้วยเลือดสีแดงของคนที่ถูกฆ่านั้นเอง มาเฟียนี้มีความเป็นกวียิ่งกว่าเราอีก

The Irishman คนใหญ่ไอริช เป็นหนังมาเฟียที่เห็นความยาวหนัง 3 ขั่วโมงทีไรก็ทำใจเริ่มดูไม่ได้สักที แต่จนแล้วจนรอด ก็เลือกขึ้นมาดูจนได้น่ะนะ เพราะใกล้เทศกาลออสการ์เข้ามาทุกขณะ และเรื่องนี้เข้าชิงถึง 10 รางวัล จะไม่ดูก็ยังไง ๆ อยู่ ซึ่งด้วยความที่หนังยาวมาก ๆ ทำให้ดูแล้วนึกถึง Godfather เช่นกัน คือ หนังเดินเรื่องไปแบบเรื่อย ๆ ไม่รีบร้อนในการเล่ามากนัก

ด้วยความที่หนังเดินเรื่องช้า ทำให้เราไม่เข้าใจเลยว่าหนังเรื่องนี้อยากจะสื่ออะไรในช่วงแรก แม้มันจะไม่น่าเบื่อ แต่มันก็ชวนเราตั้งคำถามตลอดเวลาว่า นี่หนังมันเล่าไปถึงจุดที่มันจะพีครึยัง ซึ่งก็ได้แต่ลุ้นไปเรื่อย ๆ ยังไงก็ตามเมื่อหนังปูพื้นจบแล้ว จุดไคลแม็กซ์ใหญ่ของหนัง เป็นอะไรที่ค่อนข้างคุ้มค่าอยู่เหมือนกัน คือถ้าหนังไม่เล่าละเอียดขนาดนี้ เราอาจจะไม่อินกับพาร์ทที่ดีที่สุดในหนังเลย

ซึ่งไคลแม็กซ์ของหนังเรื่องนี้มันทำให้เราลุ้น และรู้สึกพีคได้พักใหญ่ ๆ เพราะหนังมันไม่รีบไม่ร้อนกับการเล่าเรื่องนั่นเอง (ด้วยความที่หนังยาว พาร์ทนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ยาวตาม) และหลังจากปล่อยหมัดเด็ดของหนังชุดใหญ่แล้ว ก็ยังคงมีหมัดอื่น ๆ ตามมาด้วยประเด็นดราม่ากับชีวิตของตัวละครหลัก ซึ่งเรื่องนี้การแสดงของ Robert de Niro ก็ยังไม่ทำให้ผิดหวังอีกเช่นเคย ซึ่งการแสดงของ Al Pacino และ Joe Pesci ที่เล่นสมทบนั้นก็เปี่ยมไปด้วยพลังมาก ๆ เช่นกัน The Medium

โดยรวมนี่เป็นหนังที่จัดว่าดีเลยล่ะครับ ถ้าจะคว้ารางวัลในหลาย ๆ เวทีก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ใครสามารถดูหนังที่เดินเรื่องเรื่อย ๆ ได้ ก็เป็นหนึ่งในหนังที่น่าจะตอบโจทย์ โดยเฉพาะถ้าชอบดู Godfather นะครับ ผมว่าเรื่องนี้คือใช่เลยนะ แต่ข้อเสียก็คือความยาวของหนังนี่แหละ การดูหนังเรื่องเดียวนาน ๆ ก็ต้องใช้สมาธิ และเวลากับมันไปพอสมควรเลยครับ